เคล็ดลับน่ารู้ • 25 มิ.ย. 2025
อยากซื้อรถมือสองไม่ใช่เรื่องยาก เพราะในปัจจุบันมีตลาดรถยนต์มือสองให้เลือกได้มากมายทั่วทุกภูมิภาคของประเทศไทย
ไม่ว่าจะรุ่นไหนงบประมาณเท่าไหร่ก็มีหมด แต่สิ่งที่หลาย ๆ อาจไม่เคยรู้มาก่อนก็คือวิธีเช็กรถมือสอง เพราะอย่างที่ทุกคนทราบกันดี
ว่ารถยนต์เหล่านี้ผ่านการใช้งานมาแล้ว ย่อมต้องมีอาการสึกหรอกันบ้าง และก็มีอยู่ไม่น้อยเลยที่เคยโดนย้อมแมวแล้วมารู้ทีหลังว่า
รถที่ได้มาเคยมีประวัติอะไรที่ไม่ดีมาก่อนบ้าง วันนี้จึงได้รวบรวมรายละเอียดต่าง ๆ เกี่ยวกับวิธีเลือกรถมือสองจากผู้เชี่ยวชาญของพวกเรา
มีอะไรที่ต้องให้ความสำคัญไปบ้างไปดูกันเลย
รวมวิธีเลือกรถมือสอง กับจุดสำคัญที่ต้องเช็กอย่างละเอียด
สำหรับรายละเอียดของวิธีเช็กรถมือสองนั้น โตโยต้า ชัวร์ ขอแบ่งเป็นทั้งหมด 6 ประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญก่อนเลือกซื้อรถมือสองคันที่
ถูกใจ ดังต่อไปนี้
1. เช็กเอกสารรถยนต์ประวัติย้อนหลัง
วิธีเลือกรถมือสอง อย่างแรกต้องดูเอกสารที่เกี่ยวกับรถทั้งหมด ซึ่งจะต้องตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะตัวเล่มรถยนต์ควรดูให้ดีว่า
เลขตัวถังและเลขเครื่องยนต์ตรงกับที่แสดงในเล่มหรือไม่ ถัดมาย้อนดูในส่วนรายการบันทึกของเจ้าหน้าที่ว่ามีการบันทึกอะไรบ้าง เช่น
ประวัติการเปลี่ยนเครื่องยนต์, การดัดแปลงตัวถัง, ประวัติการออกเล่มใหม่แทนเล่มเก่า (ในกรณีชำรุดหรือสูญหาย) เป็นต้น
ส่วนที่มองข้ามไม่ได้เลย คือ รายชื่อผู้ถือกรรมสิทธิ์เพื่อดูว่าเปลี่ยนมือมาแล้วกี่คน ชื่อเจ้าของคนล่าสุดตรงกับบัตรประชาชนหรือไม่ และอีกจุด
ก็คือประวัติรายการภาษีให้เทียบสีหมึกของแต่ละปีให้ดี ๆ หากสีหมึกดูใหม่เท่ากันหมดให้ตั้งขอสงสัยเอาไว้ก่อนว่าอาจจะเสี่ยงเป็นเล่มรถของปลอม
2. เช็กเลขไมล์บนหน้าปัด
วิธีเช็กไมล์รถมือสอง ข้อนี้สำคัญมาก ๆ เพราะเป็นหลักฐานที่ชี้วัดว่ารถคันนี้ผ่านการใช้งานมากขนาดไหน หากคุณกำลังสงสัยว่าเลขไมล์
ดูไม่ค่อยสอดคล้องกับสภาพรถ แนะนำให้ลองดูตามอุปกรณ์ส่วนต่าง ๆ เช่น คันเร่ง, พวงมาลัย, แผงตามประตู, ความสกปรกของเครื่องยนต์
และ ความสัมพันธ์ของเลขไมล์น้อยกับวันที่จดทะเบียนรถ เป็นต้น การกรอเลขไมล์แล้วมาหลอกขายมือสองมีโทษตามกฎหมายมาตรา 391
แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ผู้ที่ทำผิดต้องถูกดำเนินคดีข้อหาหลอกลวงประชาชนด้วยการปกปิดความจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา
พ.ศ. 2549 มาตรา 343 มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3. เช็กสภาพตัวถังของรถ
ตัวถังของรถยนต์ส่วนแรกที่คุณจะได้เห็น ซึ่งส่วนใหญ่ก่อนที่รถคันดังกล่าวจะนำมาขายบางคันอาจอาจผ่านการซ่อมสีและตัวถังมาก่อนเพื่อปรับสภาพรถ
วิธีเลือกรถมือสองในข้อนี้ แนะนำให้ลองสังเกตด้วยตามเปล่าดูก่อนว่ารูปทรงของตัวถังดูปกติดีมั้ย ช่องว่างระหว่างประตูและตัวถังเท่ากันหรือไม่
อีกสิ่งที่ต้องสังเกตให้ดีคือสีของตัวถัง เบื้องต้นให้ลองเคาะดูก่อนว่าเสียงเป็นยังไง หากรู้สึกว่าเสียงแน่น ๆ ทึบ ๆ และรู้สึกได้ว่าสีเป็นคลื่น ๆ ไม่เรียบเนียน
เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่ารถคันนี้ผ่านการทำสีหลายชั้นเพื่อปกปิดร่องรอยที่มีปัญหา
4. เช็กตะเข็บรอบตัวถัง
ตะเข็บและอาร์กของตัว คือ ส่วนที่มีการประกบและยึดติดระหว่างชิ้นส่วนของตัวถังและส่วนประกอบอื่น ๆ เข้าไว้ด้วยกัน จุดนี้หลายคนมักมองข้ามไป
แต่ละส่วน จะมีการปกปิดด้วยซีลยาง ถ้าหากพบความผิดปกติตามจุดต่าง ๆ ให้สงสัยไว้ก่อนว่าเคยโดยชนและผ่านการซ่อมหนักมาก่อน โดยจุดที่ควร
เช็กก่อนซื้อรถมือสอง มีดังนี้
- คานหน้ารถ จุดนี้ให้สังเกตตัวนอตตามจุดต่าง ๆ ว่าถูกยึดครบทุกตัวหรือไม่ คานมีสีที่ดูใหม่กว่าส่วนอื่นรึเปล่า และสติกเกอร์แนะนำการใช้งานที่แปะมาจาก
- ศูนย์ยังอยู่ครบมั้ย
- แก้มทั้ง 2 ข้าง ต้องมีรอยนูนใกล้ ๆ ตะเข็บในระยะเท่ากันทั้ง 2 ข้าง
- ขอบประตูทุกบาน ส่วนนี้หลายคนไม่ค่อยสังเกตเพราะมีซีลยางขอบประตูปิดไว้ แนะนำให้ดึงซีลยางออกมาถ้าหากรอยอาร์กตามขอบยังอยู่ครบและ
- มีความสม่ำเสมอถือว่าปกติ
- บริเวณท้ายรถใต้กระโปรงหลัง ต้องมีรอยอาร์กกับรอยนูนในระยะเท่ากันทั้ง 2 ข้าง และต้องไม่มีรอยไหนหายไปแม้แต่รอยเดียว

5. เช็กระบบส่งกำลังทั้งหมด
วิธีเลือกรถมือสองที่ต้องให้ความสำคัญพอ ๆ กับตัวถังคือ ระบบส่งกำลังเป็นหัวใจหลักที่ทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้ โดยมี 3 ส่วนหลัก ๆ ที่จำเป็น
ต้องผ่านการตรวจเช็กดังนี้
เครื่องยนต์
การเช็กเครื่องยนต์ เบื้องต้นควรสังเกตตั้งแต่การเดินเครื่องว่าเป็นยังไง ถ้าเครื่องไม่นิ่งจะทำให้รอบเครื่องสะดุดตอบขับ ส่งผลให้เครื่องยนต์ทำความเร็ว
ได้ไม่สม่ำเสมอ ถัดมาให้สังเกตเสียงว่ามีอะไรที่ผิดแปลกไปจากรถทั่วไปมั้ย สีควันท่อไอเสียต้องใสไม่มีสีขาวหรือสีดำออกมา ซึ่งควันสีใสคือการเผาไหม้
ที่สมบูรณ์ที่สุด นอกจากนี้ยังมีรายการที่ต้องตรวจเช็กอีก เช่น
- รอยรั่วน้ำมันเครื่อง
- สภาพของหม้อน้ำ
- สภาพสายพานและสายเคเบิลต่าง ๆ
- สภาพขั้วแบตเตอรี่
- ระดับของเหลวทั่วหมด
เกียร์
ปัญหาของระบบเกียร์จะมีทั้งเกียร์กระตุก เกียร์ไม่เปลี่ยนรอบ เสียงเฟืองเกียร์หอน มากไปกว่านั้นในเกียร์ออโต้ยังมีอาการเข้าเกียร์ D แล้วรถไม่เดินหน้า
ปัญหาเหล่านี้บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเกียร์ไม่สมบูรณ์ ซึ่งถ้าเกียร์พังขึ้นมาต้องเปลี่ยนอย่างเดียว และราคาเกียร์ลูกใหม่ค่อนข้างสูงไม่คุ้มกับราคารถที่
จ่ายไป ดังนั้นวิธีเลือกรถมือสองในข้อนี้ แนะนำให้ลองเข้าเกียร์ให้ครบทั้งหมด และทดลองขับเพื่อสังเกตการเคลื่อนตัวของรถ ซึ่งจะต้องเร่งความเร็วที่สอดคล้อง
กับรอบเครื่องไม่มีอาการสะดุดหรือกระตุก
ช่วงล่าง
ปัญหาที่พบบ่อยคือเรื่องของเสียงในระหว่างขับ เช่น เสียงดังแกรก ๆ ในจังหวะเลี้ยว มีเสียงดังกุก ๆ ตอนขับในเส้นทางขรุขระ หรือรู้สึกถึงความย้วยทรงตัวไม่ดี
อาการเหล่านี้ คือปัญหาช่วงล่างเสื่อมสภาพ สามารถซ่อมเฉพาะจุดได้ไม่จำเป็นต้องรื้อเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด แต่ถ้าทดลองขับแล้วพบเสียงผิดปกติหรืออาการ
สั่นสะเทือนมาก ๆ หากนำไปซ่อมเองอาจจะต้องลงทุนพอสมควร ข้อนี้ต้องพิจารณาให้ดีว่าคุณพร้อมรับมือกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ แนะนำว่าลองเปรียบเทียบกับ
รถคันอื่น ๆ ดูก่อนตัดสินใจเพื่อความคุ้มค่าในระยะยาว
6. เช็กระบบไฟและส่วนประกอบอื่น ๆ
สุดท้ายให้ลองเช็กอุปกรณ์อำนวยความสะดวกและระบบไฟฟ้าดูว่ามีปัญหาอะไรบ้าง เช่น ไฟส่องสว่างคู่หน้า ไฟคู่ท้าย ไฟเบรก ไฟเลี้ยว แอร์ต้องทำความเย็น
ได้ดีไม่มีกลิ่นอับ พวงมาลัยต้องหมุนได้รอบ ๆ ไม่ฝืดไม่ค้างและคืนตัวได้ และที่สำคัญต้องเช็กระบบล็อกรถด้วยว่ายังใช้งานได้ปกติรึเปล่า
เช็กรถมือสองอย่างไรว่าเคยจมน้ำมาก่อน
สำหรับวิธีเลือกรถมือสองข้างต้นทั้งหมด ถือว่าครอบคลุมทั้งในแง่ของการใช้งานและเลี่ยงรถที่ผ่านการชนหนักมาแล้ว แต่อีกปัญหาหลายคนอาจคิดไม่ถึง
อย่าง “รถจมน้ำ” ซึ่งรถที่ผ่านปัญหานี้มาก่อน อาจก่อให้เกิดปัญหาตามมามากมายในอนาคต ทั้งระบบไฟฟ้า เครื่องยนต์ และความปลอดภัยโดยรวม
การตรวจสอบประวัติรถอย่างละเอียดจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้แน่ใจว่าเราจะได้รถที่มีคุณภาพดีและคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป นี่คือวิธีเช็กรถมือสองที่ควรทำ
อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ
- ตรวจสอบกลิ่นอับชื้นภายในห้องโดยสาร - เมื่อเปิดประตูรถ ให้สังเกตกลิ่นอับชื้นหรือกลิ่นเหม็นที่ผิดปกติ โดยเฉพาะบริเวณพรม เบาะนั่ง และเพดานรถ
- รถที่เคยจมน้ำมักมีกลิ่นอับชื้นฝังแน่น แม้จะทำความสะอาดแล้วก็ตาม นอกจากนี้ ให้สังเกตคราบน้ำหรือเชื้อราตามซอกมุมต่างๆ รวมถึงความผิดปกติ
- ของสีพรมและเบาะที่อาจซีดจางไม่เท่ากัน
- ตรวจเช็กสนิมใต้ท้องรถและห้องเครื่อง - ให้ยกรถขึ้นและตรวจสอบใต้ท้องรถอย่างละเอียด โดยเฉพาะบริเวณจุดต่อและรอยเชื่อมต่างๆ รถที่เคยจมน้ำ
- มักมีคราบสนิมมากผิดปกติ ส่วนในห้องเครื่อง ให้สังเกตคราบสนิมตามข้อต่อ สายไฟ และอุปกรณ์โลหะต่างๆ รวมถึงดูว่ามีเศษดินหรือทรายสะสม
- ตามซอกมุมหรือไม่
- ทดสอบระบบไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ - ทดลองใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชิ้นในรถ ทั้งไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว เครื่องเสียง กระจกไฟฟ้า และแอร์
- รถที่เคยจมน้ำมักมีปัญหาระบบไฟฟ้าทำงานผิดปกติ เช่น ไฟกะพริบ อุปกรณ์ทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือเสียงแอร์ดังผิดปกติ
- ควรทดสอบการทำงานซ้ำหลายๆ ครั้งเพื่อความแน่ใจ
- ตรวจสอบน้ำมันเครื่องและน้ำมันเกียร์ - ดึงก้านวัดน้ำมันเครื่องและตรวจดูสีและความข้นของน้ำมัน หากพบว่ามีสีขุ่นคล้ายกาแฟเย็น หรือมีหยดน้ำ
- ปนอยู่แสดงว่าอาจมีน้ำเข้าไปในเครื่องยนต์ ส่วนน้ำมันเกียร์ก็เช่นกัน ให้ตรวจสอบสีและความข้น หากผิดปกติอาจเป็นสัญญาณว่ารถเคยจมน้ำมาก่อน
- ขอประวัติการซ่อมและเอกสารยืนยัน - สอบถามประวัติการซ่อมบำรุงจากผู้ขายอย่างละเอียด โดยขอดูสมุดบันทึกการซ่อมบำรุง ใบเสร็จค่าซ่อม
- และเอกสารการรับรองสภาพรถ นอกจากนี้ควรตรวจสอบประวัติทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบก เพื่อดูว่าเคยมีประวัติอุบัติเหตุหรือ
- การโอนเปลี่ยนมือผิดปกติหรือไม่
สรุปเกี่ยวกับวิธีเลือกรถมือสองแบบมืออาชีพ
สำหรับวิธีการเลือกและเช็กรถมือสองนั้นคือสิ่งที่ช่วยยืนยันตัวคุณเองว่า รถยนต์คันที่คุณหมายตาเอาไว้ดีพอที่จะเอามาใช้งานในชีวิตประจำวันมั้ย
แน่นอนว่าไม่มีใครอยากซื้อรถมือสองมาเพื่อซ่อมมากกว่าขับ และถ้ามีปัญหาในทางกฎหมาย เช่น การสวมรอยบุคคล การปลอมแปลงเอกสารต่าง ๆ
การกรอเลขไมล์ ปัญหาเหล่านี้ย่อมทำให้เกิดความเสี่ยงในชีวิตคุณอย่างแน่นอน
อ้างอิง https://www.toyotasure.com/contentdetail/contentdetailsui/id20231102-426